วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

เที่ยวเองหรือไปกับทัวร์

หลายๆ คนเคยท่องเที่ยวกับกรุ๊ปทัวร์ โดยเฉพาะพวกข้าราชการ ที่มักจะไปดูงานกันเป็นหมู่คณะ ก็ยังดีที่รู้จักกันมาก่อน ไปกับพรรคพวกเดียวกัน แต่เพื่อความสะดวกก็ให้บริษัททัวร์จัดให้ ทั้งโปรแกรมเที่ยวและดูงาน จริงๆ การดูงานก็เป็นเพียงข้ออ้างให้ได้ไปต่างประเทศ ดังนั้นสถานที่ดูงานจะเป็นอะไรก็ไม่ซีเรียส จึงให้บริษัททัวร์หาให้ก็ยังได้ ยกเว้นว่ามีการติดต่อสัมพันธ์กันอยู่ก่อน และต้องไปเยี่ยมเยียนเขาจริงๆ

เวลาไปกับทัวร์ แม้ว่าหน่วยงานหรือบริษัทของเราจะเป็นคนกำหนดโปรแกรมให้กับทัวร์จัดตามที่เราต้องการ แต่ส่วนมาก ทัวร์จะเป็นคนร่างกำหนดการมาให้ แล้วจัดช่วงว่างไว้ให้เป็นโปรแกรมดูงาน ดังนั้นสถานที่ท่องเที่ยวที่จะได้ไป ทัวร์ก็มักจะจัดให้ตามที่ทัวร์ทั่วๆ ไป เขาไปเที่ยวกัน คือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องไปชม เป็นไฟล์บังคับ

นอกจากเที่ยวตามสถานที่สำคัญต่างๆ แล้ว ทัวร์แทบทุกทัวร์ก็จะแทรกโปรแกรมช้อปปิ้งเอาไว้ เพราะถือว่าคนไทยร้อยทั้งร้อย ยิ่งถ้าเป็นสุภาพสตรี ต้องชอบไปซื้อของที่เด่นดังของเมืองที่จะไป เช่นไปออสเตรเลียก็ต้องไปซื้อโอปอล ไปอัมสเตอร์ดัมก็ต้องเพชร ไปอินซบรูก ก็ต้องคริสตัลชาวารอฟสกี้ เป็นต้น

ถ้าเราเป็นคนไม่ชอบซื้อของ บางคนจะทนแรงกดดันไม่ไหว ต้องซื้อจนได้ เพราะเห็นคนนั้นคนนี้ซื้อกันกระหน่ำ อย่างกับของมันราคาถูกเหลือหลาย บ้างก็ซื้อของที่ระลึกไปฝากลูกน้อง ฝากเพื่อน ฝากลูกหลานเป็นสิบๆ อัน เห็นเขาซื้อก็เลยซื้อบ้าง พอกลับมาเอาไปให้ใคร เขาก็รับไว้แล้วก็โยนไว้ในลิ้นชัก โดยเฉพาะพวกพวงกุญแจ ไม่รู้จะมีกุญแจกี่ดอกถึงจะได้เอามาห้อยใช้ ในลิ้นชักผมมีของพวกนี้แทบล้นทะลัก เพราะใครไปไหนมาก็เอามาฝาก

บางทีผมเสียดายเวลาที่จะได้ไปทำอย่างอื่น แต่ไกด์พาไปตลาด อย่างที่เกาหลีต้องไปตลาดทงๆ อะไรเนี่ย มีแต่เสื้อผ้า กระเป๋า เข็มขัด เครื่องแต่งกาย พวกผู้ชายอย่างเราไม่เคยซื้อเอง ต้องมีภรรยาไปช่วยเลือกด้วย เขาให้เวลาตั้งหลายชั่วโมง ผมต้องไปนั่งร้านกาแฟฆ่าเวลารอนักช้อป แทนที่จะได้ไปเที่ยวที่เราอยากไป

ปกติโปรแกรมที่จัดแต่ละวัน ก็จะใส่จนแน่นเอี๊ยด เพราะต้องควบคุมค่าใช้จ่าย จำนวนวันก็ต้องไม่มากเกินไป ไม่งั้นเปลืองค่าโรงแรม ดังนั้นแต่ละวัน ต้องรีบตื่นแต่เช้า ไปชมสถานที่ตามโปรแกรม แต่ละที่ก็ให้เวลาพอถ่ายรูปได้ แล้วก็ต้อนขึ้นรถ ไปรับประทานอาหารจีน แล้วจะได้ไปเที่ยวต่อ

เรื่องอาหารจีนนี่ก็อีกอย่าง จากประสบการณ์ของบริษัททัวร์ทุกแห่ง เขาสรุปได้ว่า คนไทยกินอาหารฝรั่งได้อย่างมากก็ไม่กี่มื้อ ในโปรแกรมเที่ยว 7 วัน ก็อาจจะมีให้ชิมอาหารท้องถิ่นได้สัก 2 มื้อ ที่เหลือเป็นอาหารจีน และมีอาหารไทยสัก 1 มื้อ เพราะอาหารไทยในต่างประเทศ จัดว่าเป็นอาหารชั้นดี ราคาแพงกว่าร้านอาหารจีน จากประสบการณ์ของผู้เขียน ก็พบว่าเพื่อนๆ ที่ไปทัวร์หลายๆ คน ก็ไม่สามารถรับประทานอาหารฝรั่งได้จริงๆ ด้วย

บางครั้งตั้งแต่ลงเครื่องบินมายังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟันเลย ก็พาไปเที่ยวทั้งวัน แล้วก็จบด้วยการกินอาหารเย็น แล้วจึงจะพาเข้าพักโรงแรม ผมว่าทัวร์แต่ละครั้ง เสียเวลากับการกินอาหารไปกว่า 30 % ส่วนโรงแรมแต่ละแห่งที่พาไปพัก ก็ช่างเลือกบริเวณได้เหมาะเจาะ เพราะไม่มีอะไรให้เดินเที่ยวชมได้เลย หรือจะไปนั่งจิบเบียร์ตามผับจีบสาวฝรั่งก็หาไม่ได้ ต้องไปซื้อเบียร์กระป๋องจากร้านของชำมานั่งดวดในห้องพัก

สรุปแล้ว ถ้าอยากจะเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งอย่างได้สุนทรีย์ เช่นเดินชมพิพิธภัณฑ์ ดูภาพเขียน เสร็จแล้วออกมานั่งร้านเก๋ๆ ริมทางจิบกาแฟมองดูผู้คนอย่างไม่รีบเร่ง ยามหิวก็ลองซื้ออาหารตามร้านที่ชาวบ้านเขากินกัน หรือซื้อฮอตดอกตามรถเข็นมากินไปเดินไป หรือนั่งแทะตามสวนสาธารณะ อยากจะช้อปซื้อของอะไรก็ซื้อ ไม่ซื้ออะไรก็ไม่ต้องซื้อ พอตกค่ำก็นอนโรงแรมที่อยู่กลางเมือง ออกไปหาผับใกล้ๆ ตอนกลางคืนได้ แม้จะไม่ใช่ระดับ 4 ดาว แต่ก็สะดวกสบาย แถมมีอินเตอร์เน็ทให้ใช้ฟรีด้วย แบบนี้ก็ต้องไปเที่ยวด้วยตนเองแล้วละ

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

หมู่บ้านชาวประมง Tai O ฮ่องกง เที่ยวได้ครึ่งวัน

ปกตินักท่องเที่ยวมักมีเวลาน้อย จากตัวเมืองต้องนั่งรถ MTR ไป Tung Chung เพื่อนั่งรถกระเช้า Cable Car ขึ้นไปเที่ยว Ngong Ping แล้วไปไหว้พระใหญ่ จากนั้นต้องรีบลงมาเพื่อ Shopping ที่ Citygate Outlets จึงมักไม่ค่อยมีใครต่อรถเมล์จาก Ngong Ping ไปหมู่บ้าน Tai O กันเท่าไร

เราก็เช่นกัน เฉพาะ Ngong Ping พระใหญ่ ชมวัด เดินเล่นดูร้านค้า ก็หมดแรง หมดวันแล้ว แต่บ้านเราไปกันหลายวัน เลยมีเวลาจัดไว้ให้ Tai O โดยเฉพาะ ตอนบ่ายกลับมารอกิน Dim Sum ช่วงบ่าย 2 ที่ Federal Palace ใน Citygate ยังทัน

เริ่มจากต้นสายรถเมล์ ใกล้ๆ สถานีรถกระเช้าไป Ngong Ping นั่นแหละ ขึ้นรถเมล์สาย 11 ไปหมู่บ้าน Tai O ใช้เวลาประมาณ 50 นาที เส้นทางนี้เลาะภูเขาไปไม่ค่อยมีวิวอะไร นั่งหลับกันไปได้ แต่มีบางจุดจะมองเห็นพระใหญ่บนยอดเขา Ngong Ping

สุดสายที่ Tai O จะมีป้ายแผนที่แนะนำแหล่งท่องเที่ยวในหมู่บ้าน


ไม่น่าเชื่อ หมู่บ้านเล็กๆ แต่มีสวนสาธารณะ มีห้องน้ำสาธารณะที่พอใช้ได้ (มีกระดาษทิชชูให้ด้วยนะ) ขอแนะนำให้เดินไปทางขวา ทะลุผ่านหมู่บ้านไป จะมีจุดชมวิว ระหว่างทางได้ชมชีวิตของผู้คน

เหมือนบรรยากาศคลองอัมพวาเลยนะเนี่ย
ผ่านร้านขายของทะเล ผ่านบ้านคน

แปลกดี บ้านเหมือนสร้างจากเหล็กกระป๋อง
จนถึงจุดนั่งพัก มีเตาบาบีคิวด้วย


ถ้าตรงไปจะเป็นวัด Yeung Hau และสุดแหลมจะมีศาลเจ้า


หลังจากชมวัด เดินย้อนกลับมาจะมีป้ายบอกไป Pavillion คือศาลาชมวิว เป็นทางแคบๆ เหมือนจะไม่มีอะไร


สุดทางก็เจอ วันนี้ไม่มีใครเลย นั่งเล่นกันสบาย แถมมีกล้องส่องทางไกลให้ดูฟรีๆ ด้วย



ระหว่างเดินกลับ เจอคนเรือชวนนั่งเรือดูปลาโลมา คนละ 20 เหรียญ เด็ก 10 เหรียญ รวม 60 เหรียญ ก็เลยไปนั่งเรือ ใช้เวลาแค่ 20 นาที ก็สนุกดี ได้เห็นปลาโลมาสีชมพูแว๊บนึง ถ่ายรูปไม่ทัน

ศาลาชมวิวมองจากในเรือ
หลังเที่ยงก็ขึ้นรถเมล์กลับ Tung Chung ทันกิน Dim Sum ยามบ่ายพอดี

Ocean Park, Hong Kong

ถ้าพาครอบครัวไปเที่ยวฮ่องกง ควรพาไป Ocean Park หรือไม่

ถ้าเด็กๆ เคยดูการแสดงปลาโลมาที่อื่นมาแล้ว ถ้าเคยดู Aquarium เช่นที่ Siam Paragon หรือที่บางแสน หรือพัทยามาแล้ว ถ้าเคยไป Dream World มาแล้ว ไม่ไปก็ได้ เดินไกล แดดร้อน เบียดเสียดผู้คน มีสองส่วน เชื่อมกันด้วยรถไฟ กับกระเช้า ซึ่งต้องคอยคิวขึ้น เสียเวลาไปกับการเดินมากไป

การแสดงในตารางของแต่ละวันเขาจะมีเยอะมาก ทำให้เราสับสนว่าจะไปดูอันไหนก่อนดี ถ้าดูอันนี้ อีกอันจะอดดู จะเลือกอย่างไร

ขอเริ่มจากการเดินทางไป Ocean Park เรานั่ง MTR ไปลงที่ Admiralty แล้วไปที่ป้ายรถเมล์สาย 629 เป็นรถเมล์ตรงไปที่นี่เลย

ที่สถานี Admiralty จะมีบูธขายตั๋วของ MTR ขายบัตรเข้า Ocean Park ในราคาถูกกว่าซื้อที่หน้าประตู

รถเมล์สาย 629 จอดหน้า Ocean Park เลย
พอเข้ามาเราก็ทำความรู้จักกับสถานที่ ว่าอะไรอยู่ตรงไหน จะไปดูอะไรก่อน ขอแนะนำให้ศึกษาแผนที่ไว้ก่อน จะได้ไปได้ถูกที่

Ocean Park แบ่งเป็นสองส่วน ส่วน Waterfront กับ The Summit เมื่อผ่านประตูทางเข้า จะอยู่ในส่วน Waterfront ซึ่งมี อะควอเรียม (ตู้ปลาขนาดยักษ์) บ้านหมีแพนด้า ร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และมีบ่อน้ำตรงกลาง (Aqua City Lagoon) เป็นที่แสดงโชว์แสงเสียงตอน 19.30 น. มีจุดขึ้นบอลลูน ส่วนเครื่องเล่นเหมือนตามสวนสนุกก็จะเป็นแบบสำหรับเด็กเล็ก และสถานีรถไฟและสถานีรถกระเช้าไป The Summit

เข้ามาก็เห็นบอลลูนได้ชัดเจน





รถกระเช้า (Cable Car) ระหว่าง Waterfront กับ The Summit
ส่วน The Summit จะมีบ่อการแสดงของปลาโลมา แมวน้ำ และสิงโตทะเล อาคารจัดแสดงปลาสเตอเจียนจากแม่น้ำแยงซีเกียง บ่อเลี้ยงแมวน้ำ และมีเครื่องเล่นเด็กโต ทั้งรถไฟเหาะ ล่องแก่ง เรือไวกิ้ง ทุกรูปแบบที่จะทำให้คุณไส้เขย่าออกมาถึงคอหอย


ไหนๆ ก็มาถึง Ocean Park แล้ว จะดูหรือไม่ดูอะไรดี

ในโปรแกรมที่เขาแจก จะมีตารางการแสดง และสาธิตต่างๆ ถ้าเป็นการแสดง ก็ไม่แนะนำให้เสียเวลาไปคอยนั่งดู เช่น The Gong ก็เป็นการเอาไม้เคาะกาละมัง และวันนึงมี 2-3 รอบ เดินไปเดินมาก็ได้ดูเอง พาเหรด หรือการแสดงตรงลูกบอลลูน ก็เป็นกายกรรมทั่วไป ไม่ได้ดูก็ไม่เสียดายมากมาย เราต้องใช้เวลาไปเข้าคิวรอเครื่องเล่นบางอย่าง คงต้องสละดูโชว์พวกนี้บ้าง นอกจากนั้นเป็นการพูดคุยของคนเลี้ยงตอนให้อาหารสัตว์ ทั้งแพนด้า แมวน้ำ และปลาใน Grand Aquarium ซึ่งก็ใช้ภาษากวางตุ้งอธิบาย จึงสามารถละเว้นไม่ดูได้ แต่เวลาเราเข้าไปชมสถานที่ต่างๆ ก็จะได้เห็นเอง เช่นหมีแพนด้ากำลังกินไม้ไผ่ ก็ไม่ต้องไปตอนที่เขากำหนดเวลาให้อาหาร ถ้าโชคดี หมีแพนด้าก็หม่ำให้เราเห็น ถ้าโชคไม่ดี มันก็เข้าไปนอนในห้องของมัน

การแสดงของนกแก้ว ก็ไม่ต้องดูก็ได้ เพราะที่สวนสัตว์เขาเขียวก็มีเหมือนกัน ส่วนโชว์ Whisker and Friends ก็แนะนำให้ไม่ไปดู เพราะเป็นการเอาตัวการ์ตูนกับตัวตลกมาเล่นกับคนดู โดยใช้ภาษากวางตุ้งล้วนๆ

แล้วจะดูอะไรล่ะ

ที่ Waterfront แนะนำให้ไป Grand Aquarium มีตู้ปลามากมาย และตู้ใหญ่ จะมีทั้งฉลาม กระเบน ปลาสารพัดชนิด แล้วก็ไปดูแพนด้า และแพนด้าสีแดง ที่ Amazing Asian Animal แถวๆ นั้นก็มีโชว์ปลาทองหลากชนิด ใครชอบเล่นปลาทองน่าดูมาก แถวๆ Waterfront ก็จะได้ดูการแสดงตรงบอลลูนที่เป็นกายกรรม กับ The Gong ไปด้วย และอยู่ใกล้ๆ กับสถานีรถ Summit Express ขึ้นไป The Summit

พอถึงข้างบน ก็รีบไปชมการแสดงของปลาโลมา สิงโตทะเล ก็ใช้ได้นะครับ พูดภาษาอังกฤษด้วย ควรไปก่อนเวลาหน่อย เพราะเขาจะมีดนตรีเล่นให้ฟังรอเวลาไปพลางๆ จะได้จองที่นั่งด้วย

ถ้าจะเล่นเครื่องเล่น ข้างบนนี้ก็มีสารพัดอย่างที่สุดหวาดเสียว แต่จะมีอยู่แยกกัน 2 บริเวณ ล่องแก่งจะอยู่ข้างล่างต้องลงบันไดเลื่อนไปไกลมาก และรอคิวอีกเป็นครึ่งชั่วโมง มันทิ่มลงน้ำเปียกนิดหน่อย แต่มวนท้องแค่ครั้งเดียว สำหรับเครื่องหวาดเสียวกว่านี้ก็มีรถไฟเหมือง อยู่ไม่ไกลกัน กับรถไฟเหาะตีลังกา อยู่อีกบริเวณต้องเดินไปหน่อย แถวนั้นจะมีร้านอาหาร และ McDonald ด้วย

ขาลง ควรนั่งรถกระเช้า เราไปช่วงเช้า คิวยังไม่ยาว แต่ตอนบ่ายๆ เข้าคิวนานมาก กระเช้าหนึ่งนั่งได้ 4 - 5 คน จะเห็นวิวสวยงาม

วันที่เราไป เจออากาศค่อนข้างร้อน แดดเปรี้ยง ทัวร์จีนแผ่นดินใหญ่ลง คนเยอะมากๆๆๆ ถูกแซง ถูกกระแทก ถูกร่มชนหัว ฯลฯ หมดอารมณ์

การเดินทางในเมืองฮ่องกง

ฮ่องกงมีระบบรถไฟใต้ดินที่ดีมาก รถไฟก็ยังใหม่เทียบกับรถใต้ดินในยุโรป สถานีสะอาดสะอ้าน ป้ายบอกทางชัดเจน รถไฟออกจากแต่ละสถานีบ่อยมาก ไม่เคยต้องรอเกิน 4 นาที

เว็บของ MTR http://www.mtr.com.hk/eng/homepage/cust_index.html

สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่ง ต้องต่อรถเมล์จากสถานี MTR เช่นถ้าไป Ocean Park ต้องต่อรถเมล์ที่ Admiralty ไป Stanley Market ต่อรถเมล์ที่ Hong Kong เป็นต้น

การเดินทางด้วย MTR หรือรถเมล์ ถ้าใช้เงินสดจ่ายจะวุ่นวายมาก เพราะต้องไปกดตู้หยอดเหรียญซื้อตั๋วทุกครั้งๆ จึงแนะนำให้ไปซื้อบัตร Octopus card ที่สถานี MTR ทุกแห่ง นักท่องเที่ยวต้องมัดจำบัตรไว้ 30 เหรียญ และต้องเติมเงินไว้อีก 50 เหรียญเป็นอย่างน้อย ตอนคืนบัตรที่สนามบิน จะถูกหักค่าบริการไว้อีก 7 เหรียญ

เวลาขึ้นรถไฟแต่ละครั้ง พอเข้าสู่บริเวณที่เรียกว่า paid area ต้องเอาบัตรวางให้เครื่องอ่านบัตรเพื่อผ่านเข้าไปก่อน พอลงรถจะเดินออก ก็วางบัตรให้เครื่องตัดเงินออกอีกครั้ง บัตรนี้ขนาดใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ เพียงเอากระเป๋าแนบกับตัวอ่าน เครื่องก็มองเห็นแล้ว

เที่ยวเยอะๆ 50 เหรียญก็ไม่พอแน่ ยิ่งถ้าพักอยู่นอกเมืองยิ่งใช้มาก

สำหรับรถเมล์ เราก็เอาบัตรวางที่เครื่องอ่านตรงหน้าคนขับได้เลยเช่นกัน หรือจะใช้ซื้อ McDonald ซื้อของ 7-11 ฯลฯ

เที่ยวฮ่องกงด้วยตนเอง

สำหรับทริปนี้ พอดีผมมีเพื่อนคนไทยมีอพาร์ตเม้นท์อยู่ที่ฮ่องกง ตอนที่เราจะไปฮ่องกงเขาก็อยู่เมืองไทย เราก็เลยไม่ต้องไปพักโรงแรม ดังนั้นคราวนี้ จึงไม่ได้แนะนำเกี่ยวกับเรื่องที่พักนะครับ

อพาร์ตเม้นท์เราอยู่ในย่าน Tung Chung ซึ่งไม่ไกลจากสนามบิน นั่งแท็กซี่จากสนามบินไปที่พักก็แค่ประมาณ 50 เหรียญ (x 4 บาท = 200 บาท) เราบินไปโดยแอร์เอเชีย มาถึงตอนหัวค่ำ กว่าจะเข้าที่พักก็มืดค่ำแล้ว


จากห้องพักสามารถมองเห็นสถานีรถกระเช้าไป Ngong Ping แต่วันนี้หมอกมากหน่อย

จากอพาร์ตเม้นท์เดินไปศูนย์การค้า Citygate Outlets ได้ง่ายๆ มีทางเชื่อมถึงกันหมด ไม่ต้องเดินบนถนน เราจึงมีเวลาสำรวจ Citygate ได้อย่างทั่วถึง
กำหนดเราพักฮ่องกง 10 วัน ค่อยๆ เที่ยว วันไหนเหนื่อยก็ตื่นสายๆ พักอยู่ห้อง บ่ายๆ ค่อยออกไปเดินเล่น สถานที่ ที่เราไปเยี่ยมชมมีดังนี้
  1. Citygate Outlets แน่นอนอยู่ใกล้ๆ บ้าน
  2. Ngong Ping 360
  3. Lady's Market ย่าน Mong Kok
  4. Temple Street Night Market
  5. Stanley Market
  6. Disneyland
  7. Ocean Park
  8. The Peak โดยนั่ง Peak Tram
  9. หมู่บ้านชาวประมง Tai O
  10. กิน Dim Sum 2 ครั้ง ที่ย่าน Tsim Sha Tsui และใน Citygate
  11. กินบะหมี่เกี๊ยว 2 ครั้ง แถว Mong Kok และร้าน Super Super ใกล้ Citygate
สำหรับผู้ที่ต้องการหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวฮ่องกง ผมขอแนะนำเว็บ http://www.hongkongfanclub.com/